Srikrungbroker
วิชาพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 1) ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 บริษัทได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิต แล้วผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจะต้องดำรงเงินกองทุนภายในระยะเวลาใด ก) ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท ข) ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทีได้จดทะเบียนบริษัท ค) ภายใน 9 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท ง) ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท 2) การที่บริษัทได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตแล้ว ตามพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 บริษัทไม่สามารถวางหลังทรัพย์หรือดำรงเงินกองทุนได้ตามระยะเวลาที่ กำหนดไว้ จะมีผลเช่นไร ก) บริษัทประกันชีวิตสามารถประกอบธุรกิจประกันชีวิตได้ ทั้งนี้จะต้องขออนุญาต ภายหลังประกอบธุรกิจ 2 เดือน ข) บริษัทประกันชีวิตต้องเสนอกรอบเวลาที่จะวางหลักทรัพย์หรือดำรงเงินกองทุนต่อนายทะเบียน ค) บริษัทประกันชีวิตต้องจัดหาสถาบันการเงินประเภทธนาคารพาณิชย์มาค้ำประกันแทน ง) ให้ถือว่าการอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตเป็นอันสิ้นผล 3) บริษัทประกันชีวิตต้องวางเงินและหลักทรัพย์ใดบ้างไว้กับนายทะเบียน ก) เงินกองทุน ข) เงินสำรองตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ค) หลักทรัพย์ประกัน ง) ถูกทั้งข้อ ข. และ ข้อ ค. 4) บริษัทที่เป็นสาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะเปิดสาขา ณ ที่ใดๆ อีก ได้หรือไม่ ก) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย ข) ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ค) ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนประกันชีวิต ง) ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายบัญญัติ ห้ามไว้ 5) ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 ก) มีผลให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ข) เป็นบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ระหว่างตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิตต่อบริษัทประกันชีวิต ค) มีการนำบทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาใช้บางมาตรา ง) จะมีผลให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 6) ข้อใดมิใช่เหตุผลในการออกพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ก) เพื่อขยายความคุ้มครองไปยังคนกลางในธุรกิจประกันภัย ข) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองประชาชน ค) เพื่อกำกับธุรกิจประกันภัยให้มีความมั่นคง ง) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 7) บริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะขอตั้งสาขาเพื่อประกอบธุรกิจประกันชีวิตใน ประเทศไทยได้หรือไม่อย่างไร ก) ไม่ได้ เพราะไม่ใช่บริษัท มหาชนจำกัด ข) ได้ หากวางหลักทรัพย์ประกันเป็นจำนวน 30 ล้านบาท ค) ได้ หากได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) ได้ หากได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนประกาศกำหนด 8) การให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่มี สิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ต้องได้รับความเห็นชอบจากบุคคลใด ก) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ข) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ค) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) นายทะเบียน 9) ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกรรมการของบริษัทประกันชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2551 ก) ต้องมีกรรมการสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ข) บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบสี่ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออก เสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ค) ต้องมีกรรมการสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด ง) กรรมการบริษัทจะต้องเป็นมีประสบการณ์ด้านการประกันชีวิตมาไม่น้อยกว่า 2 ปี 10) กรณีใดถือว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ก) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่ เกินร้อยละ ยี่สิบห้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ข) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่ เกินร้อยละ ห้าสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ค) นิติบุคคลที่ไม่จดทะเบียนในประเทศไทย แต่มีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่เกินร้อยละ ยี่สิบห้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ง) นิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย แต่มีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือ หุ้นอยู่เกินร้อยละ ห้าสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด 11) ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2551 บุคคลใดเป็นผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตให้แก่ บริษัทที่ควบเข้ากัน ก) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ข) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ค) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) นายทะเบียน 12) หากบริษัทประกันชีวิตใดไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับการประกอบธุรกิจ ประกันชีวิตภายใน 3 เดือน นายทะเบียนสามารถดำเนินการอย่างไรต่อบริษัท ประกันชีวิตได้ ก) ห้ามขยายธุรกิจ ข) พักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตชั่วคราว ค) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ง) สั่งควบคุมการรับประกันชีวิต 13) บริษัทประกันชีวิต ซึ่งมิใช่สาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะเปิดสาขา ได้หรือไม่ ก) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข) โดยต้องได้รับอนุญาตจากหลัดกระทรวงการคลัง ค) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ง) ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ 14) ในการรับประกันชีวิต บุคคลใดสามารถกระทำการเป็นผู้รับประกันชีวิตได้ ก) บริษัทประกันวินาศภัย ข) บริษัทประกันชีวิต ค) ธนาคารพาณิชย์ ง) ถูกทั้งข้อ ก, ข และ ค. 15) ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 บุคคลใดต่อไปนี้ สามารถใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ประกันชีวิต" ได้ ก) สหภาพแรงงานที่มีสมาชิกเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทประกันชีวิต ข) สมาคมที่มีสมาชิกเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันชีวิต ค) สมาคมที่มีสมาชิกส่วนมากเป็นบริษัทประกันชีวิต ง) ถูกทุกข้อ 16) บริษัทประกันชีวิตมีสิทธิขอเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ประกันที่วางไว้กับนายทะเบียนหรือไม่ ก) ไม่มีสิทธิเพราะกฎหมายห้ามไว้ ข) มีสิทธิ แต่ต้องมีมูลค่าตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ค) มีสิทธิ แต่ต้องเป็นเงินสด พันธบัตรรัฐบาลไทยหรือทรัพย์สินอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด ง) ถูกทั้งข้อ ข. และ ค. 17) หลักทรัพย์ในข้อใดที่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ประกันที่บริษัทประกันชีวิตวางไว้กับนายทะเบียน ก) เงินสด ข) พันธบัตรรัฐบาลไทย ค) ทรัพย์สินอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยประกาศกำหนด ง) ถูกทุกข้อ 18) กรณีที่หลักทรัพย์มีมูลค่าลดต่ำลงกว่าที่กำหนด บริษัทประกันชีวิตจะต้องนำ หลักทรัพย์ประกันมาเพิ่มจนครบภายในระยะเวลาเท่าใด ก) ภายใน 1 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ข) ภายใน 2 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ค) ภายใน 3 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ง) ภายใน 6 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง 19) ผู้ใดมีอำนาจกำหนดให้บริษัทประกันชีวิตจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงิน สำรองประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีความผูกพันอยู่ ก) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 ข) นายทะเบียน ค) เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ง) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 20) ผู้ใดคือเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ก) ตัวแทนประกันภัยและนายหน้าประกันภัย ข) บริษัทประกันภัย ค) ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ ง) ถูกทุกข้อ ชื่อของผู้เข้าสอบ หัวข้อวิชาสอบ เลือกหัวข้อวิชาที่ต้องการทำแบบทดสอบ 1.วิชานายหน้าประกันชีวิต ชุดที่1 2.วิชานายหน้าประกันชีวิต ชุดที่2 3.วิชานายหน้าประกันชีวิต ชุดที่3 4.วิชานายหน้าประกันชีวิต ชุดที่4 5.วิชาจรรยาบรรณนายหน้าวินาศภัย ชุดที่1 6.วิชาจรรยาบรรณนายหน้าวินาศภัย ชุดที่2 7.วิชาจรรยาบรรณนายหน้าวินาศภัย ชุดที่3 8.วิชากฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ชุดที่1 9.วิชากฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ชุดที่2 10.วิชาหลักการประกันชีวิต ชุดที่1 11.วิชาหลักการประกันชีวิต ชุดที่2 12.วิชาพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535
1) ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 บริษัทได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิต แล้วผู้เริ่มจัดตั้งบริษัทจะต้องดำรงเงินกองทุนภายในระยะเวลาใด ก) ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท ข) ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทีได้จดทะเบียนบริษัท ค) ภายใน 9 เดือน นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท ง) ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท 2) การที่บริษัทได้รับอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตแล้ว ตามพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 บริษัทไม่สามารถวางหลังทรัพย์หรือดำรงเงินกองทุนได้ตามระยะเวลาที่ กำหนดไว้ จะมีผลเช่นไร ก) บริษัทประกันชีวิตสามารถประกอบธุรกิจประกันชีวิตได้ ทั้งนี้จะต้องขออนุญาต ภายหลังประกอบธุรกิจ 2 เดือน ข) บริษัทประกันชีวิตต้องเสนอกรอบเวลาที่จะวางหลักทรัพย์หรือดำรงเงินกองทุนต่อนายทะเบียน ค) บริษัทประกันชีวิตต้องจัดหาสถาบันการเงินประเภทธนาคารพาณิชย์มาค้ำประกันแทน ง) ให้ถือว่าการอนุมัติให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตเป็นอันสิ้นผล 3) บริษัทประกันชีวิตต้องวางเงินและหลักทรัพย์ใดบ้างไว้กับนายทะเบียน ก) เงินกองทุน ข) เงินสำรองตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ค) หลักทรัพย์ประกัน ง) ถูกทั้งข้อ ข. และ ข้อ ค. 4) บริษัทที่เป็นสาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะเปิดสาขา ณ ที่ใดๆ อีก ได้หรือไม่ ก) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย ข) ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ค) ได้ โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนประกันชีวิต ง) ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายบัญญัติ ห้ามไว้ 5) ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 ก) มีผลให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ข) เป็นบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ระหว่างตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิตต่อบริษัทประกันชีวิต ค) มีการนำบทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาใช้บางมาตรา ง) จะมีผลให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 6) ข้อใดมิใช่เหตุผลในการออกพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ก) เพื่อขยายความคุ้มครองไปยังคนกลางในธุรกิจประกันภัย ข) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองประชาชน ค) เพื่อกำกับธุรกิจประกันภัยให้มีความมั่นคง ง) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 7) บริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะขอตั้งสาขาเพื่อประกอบธุรกิจประกันชีวิตใน ประเทศไทยได้หรือไม่อย่างไร ก) ไม่ได้ เพราะไม่ใช่บริษัท มหาชนจำกัด ข) ได้ หากวางหลักทรัพย์ประกันเป็นจำนวน 30 ล้านบาท ค) ได้ หากได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) ได้ หากได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนประกาศกำหนด 8) การให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ถึงร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่มี สิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ต้องได้รับความเห็นชอบจากบุคคลใด ก) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ข) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ค) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) นายทะเบียน 9) ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับกรรมการของบริษัทประกันชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2551 ก) ต้องมีกรรมการสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ข) บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบสี่ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออก เสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ค) ต้องมีกรรมการสัญชาติไทยไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด ง) กรรมการบริษัทจะต้องเป็นมีประสบการณ์ด้านการประกันชีวิตมาไม่น้อยกว่า 2 ปี 10) กรณีใดถือว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ก) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่ เกินร้อยละ ยี่สิบห้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ข) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่ เกินร้อยละ ห้าสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ค) นิติบุคคลที่ไม่จดทะเบียนในประเทศไทย แต่มีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่เกินร้อยละ ยี่สิบห้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ง) นิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย แต่มีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือ หุ้นอยู่เกินร้อยละ ห้าสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด 11) ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ประกันชีวิต (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2551 บุคคลใดเป็นผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตให้แก่ บริษัทที่ควบเข้ากัน ก) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ข) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ค) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ง) นายทะเบียน 12) หากบริษัทประกันชีวิตใดไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับการประกอบธุรกิจ ประกันชีวิตภายใน 3 เดือน นายทะเบียนสามารถดำเนินการอย่างไรต่อบริษัท ประกันชีวิตได้ ก) ห้ามขยายธุรกิจ ข) พักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตชั่วคราว ค) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ง) สั่งควบคุมการรับประกันชีวิต 13) บริษัทประกันชีวิต ซึ่งมิใช่สาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างประเทศจะเปิดสาขา ได้หรือไม่ ก) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข) โดยต้องได้รับอนุญาตจากหลัดกระทรวงการคลัง ค) ได้ โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ง) ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ 14) ในการรับประกันชีวิต บุคคลใดสามารถกระทำการเป็นผู้รับประกันชีวิตได้ ก) บริษัทประกันวินาศภัย ข) บริษัทประกันชีวิต ค) ธนาคารพาณิชย์ ง) ถูกทั้งข้อ ก, ข และ ค. 15) ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 บุคคลใดต่อไปนี้ สามารถใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ประกันชีวิต" ได้ ก) สหภาพแรงงานที่มีสมาชิกเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทประกันชีวิต ข) สมาคมที่มีสมาชิกเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันชีวิต ค) สมาคมที่มีสมาชิกส่วนมากเป็นบริษัทประกันชีวิต ง) ถูกทุกข้อ 16) บริษัทประกันชีวิตมีสิทธิขอเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ประกันที่วางไว้กับนายทะเบียนหรือไม่ ก) ไม่มีสิทธิเพราะกฎหมายห้ามไว้ ข) มีสิทธิ แต่ต้องมีมูลค่าตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ค) มีสิทธิ แต่ต้องเป็นเงินสด พันธบัตรรัฐบาลไทยหรือทรัพย์สินอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด ง) ถูกทั้งข้อ ข. และ ค. 17) หลักทรัพย์ในข้อใดที่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ประกันที่บริษัทประกันชีวิตวางไว้กับนายทะเบียน ก) เงินสด ข) พันธบัตรรัฐบาลไทย ค) ทรัพย์สินอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยประกาศกำหนด ง) ถูกทุกข้อ 18) กรณีที่หลักทรัพย์มีมูลค่าลดต่ำลงกว่าที่กำหนด บริษัทประกันชีวิตจะต้องนำ หลักทรัพย์ประกันมาเพิ่มจนครบภายในระยะเวลาเท่าใด ก) ภายใน 1 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ข) ภายใน 2 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ค) ภายใน 3 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง ง) ภายใน 6 เดือน นับแต่ได้รับคำสั่ง 19) ผู้ใดมีอำนาจกำหนดให้บริษัทประกันชีวิตจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงิน สำรองประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีความผูกพันอยู่ ก) รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 ข) นายทะเบียน ค) เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ง) คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 20) ผู้ใดคือเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ก) ตัวแทนประกันภัยและนายหน้าประกันภัย ข) บริษัทประกันภัย ค) ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ ง) ถูกทุกข้อ ชื่อของผู้เข้าสอบ